ตลาดการพนัน ประเทศไทย ใหญ่อันดับ 4 ของโลก
“คนไทยเป็นนักพนัน มาแต่กำเนิด” ประโยคนี้ มาจากหนังสือของ Ernest Young ครูชาวอังกฤษ ผู้ที่เข้ามาวางรากฐานการศึกษาสมัยใหม่ ให้กับประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 5
แม้คำกล่าวข้างต้น จะผ่านมา 120 กว่าปีแล้ว แต่ก็ยังสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยจากรายงานสถานการณ์การพนันในสังคมไทย ปี 2564 ของศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ได้ประมาณการไว้ว่า คนไทยที่เล่นการพนัน มีจำนวนกว่า 32.3 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง ของประชากรไทย
การที่มีนักพนันอยู่มากมายเช่นนี้ ได้ส่งผลให้เงินหมุนเวียนรวมทุกประเภท ในตลาดการพนันประเภทต่าง ๆ ของไทย มีค่าประมาณ 745,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
ซึ่งจะทำให้ไทย เป็นตลาดการพนันที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น
ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ 784,000 ล้านบาท
เหตุผลเบื้องหลัง ที่ทำให้คนไทยชื่นชอบการเล่นพนัน หลัก ๆ แล้วมีอยู่สองปัจจัย
โดยปัจจัยแรก อาจมาจากการที่คนในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีรายได้ไม่สูงมากนัก
งานวิจัยจากศูนย์วิจัยสังคมศึกษา กรุงเบอร์ลิน ที่ทำการสำรวจพฤติกรรมการยอมรับความเสี่ยง ของผู้คนในประเทศพัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา กว่า 30 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประเทศที่มีรายได้ต่ำนั้น ยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่า ประเทศที่มีรายได้สูง
โดยอาจเป็นเพราะว่า ประชากรในประเทศที่มีรายได้ต่ำนั้น พบเจอกับความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ดังนั้น การจะเสี่ยงโชคในสิ่งที่สามารถยกระดับรายได้ ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว เช่น ลอตเตอรี่ จึงอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
สอดคล้องกับงานวิจัย จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ที่พบว่า คนรายได้น้อย มักจะซื้อลอตเตอรี่มากกว่า เพราะเป็นโอกาสเพียงไม่กี่อย่าง ที่จะพาพวกเขาหลุดพ้นจากความยากจน
ซึ่งการที่ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีรายได้โดยเฉลี่ยแล้ว อยู่ในระดับปานกลาง
เมื่ออิงจากเกณฑ์ของธนาคารโลก อาจกล่าวได้ว่าคนไทยอยู่ในสถานะที่ถึงแม้จะไม่ได้ลำบาก แต่ก็ยังอยากรวยมากกว่านี้
ทำให้คนไทยส่วนใหญ่แล้ว สามารถเสี่ยงโชค ผ่านการซื้อลอตเตอรี่ หรือเล่นการพนันต่าง ๆ ได้
โดยไม่จำเป็นต้องกังวลมาก ว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร
และนอกจากปัจจัยเรื่องรายได้แล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องวัฒนธรรมอีกด้วย
โดย P.A. Thompson ชาวอเมริกัน ที่เข้ามาศึกษาพฤติกรรมของคนไทย ในกรุงเทพฯ เมื่อปี 1910
ก็ได้บรรยายพฤติกรรม การเล่นพนันของคนไทยว่า เป็นเหมือนการพักผ่อนหย่อนใจอย่างหนึ่ง
ที่ถ้าหากโชคดีก็มีเงินใช้ไปอีกสัปดาห์ แต่ถ้าเงินหมด ก็แค่ตื่นมาทำงานในเช้าวันต่อไป
การใช้ชีวิตที่ดูเหมือนจะตั้งอยู่บนความประมาทนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่วัฒนธรรมไทย
เป็นสังคมที่มีความใกล้ชิดกันในเครือญาติ มากกว่าจะเป็นปัจเจกนิยม อย่างในประเทศตะวันตก
ทำให้คนไทย ไม่ต้องระวังในการใช้เงินมาก เนื่องจากสามารถขอความช่วยเหลือ จากญาติพี่น้องหรือคนรู้จักได้ ในวันที่ประสบปัญหาทางด้านการเงิน
จากสองปัจจัยข้างต้น ได้ทำให้คนไทยคุ้นเคยและชื่นชอบการพนัน และการลุ้นโชค
แม้จะรู้ว่ามีความเสี่ยงมากก็ตาม ทำให้ตลาดการพนัน สามารถเติบโตได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การเล่นพนัน แม้จะช่วยให้เรารู้สึกตื่นเต้นในช่วงเวลาหนึ่ง จนลืมเรื่องเครียด ๆ ไปบ้าง
แต่เมื่อนานวันเข้า ก็อาจพัฒนากลายเป็นการเสพติดการพนัน จนเกิดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน
สุขภาพจิต ไปจนถึงทำลายความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัวได้
แต่แนวคิดการพนันลุ้นโชค ก็ใช่ว่าจะมีแต่ด้านร้ายเสมอไป เพราะหลายธุรกิจในปัจจุบัน ได้นำเอาแนวคิดนี้ มาประยุกต์ใช้ เป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย
โดยทีมวิจัยของ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ยกตัวอย่าง ธุรกิจที่ใช้การลุ้นโชคเป็นหลัก
เช่น การทำกล่องสุ่ม ที่ลูกค้าต้องลุ้นว่าจะได้รับของที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่จ่ายไปไหม, การส่งรหัสชิงโชคใต้ฝา เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่ หรือแม้แต่ร้านอาหารในรูปแบบ Chef's Table ที่ลูกค้าต้องลุ้นว่า วันนี้จะได้กินอะไรจากเชฟ
จากข้อมูลข้างต้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การพนันได้ฝังรากลึกลงในสังคมไทย จนยากที่จะแก้ไข
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากมองอีกด้านแล้ว สิ่งนี้เอง ก็ได้สร้างพฤติกรรมผู้บริโภค อันเป็นเอกลักษณ์
ที่เราสามารถนำมาใช้สร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ให้เป็นประโยชน์ สำหรับคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ได้เช่นกัน
เครดิต ; BillionMoney