small road baccarat

Small Road Baccarat

การจดแต้มแบบสมอลล์โรด

การจดแต้มแบบสมอลล์โรด (Small Road) เรียกอีกอย่างว่า “เค้ารอง” ที่เรียกว่า “เค้ารอง” เนื่องจากสัญลักษณ์ที่ใช้ในการบันทึกเค้าของสมอลล์โรด มีลักษณะเหมือน “เค้าหลัก” (บิ๊กโรด) แต่จะใช้สัญลักษณ์ที่มีขนาดเล็กกว่า การจดแต้มวิธีนี้อาศัยการแปลงค่าจากแต้มที่ได้จากบิ๊กโรด (Big Road) โดยใช้การเปรียบเทียบค่าของคอลัมน์ปัจจุบันกับค่าในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ 2 คอลัมน์ ซึ่งมีขั้นตอนการลงแต้มดังนี้

ขั้นตอนการแปลงเค้าไพ่

1. จุดเริ่มต้นของสมอลล์โรด คือ ค่าในตารางช่อง แถวที่ 2 คอลัมน์ที่ 3 (2,3) ของบิ๊กโรด ถ้าตารางช่องดังกล่าวเป็นเซลล์ว่าง ไม่มีค่าใดๆ บรรจุอยู่ให้ใช้ ตารางช่อง แถวที่ 1 คอลัมน์ที่ 4 (1,4) แทน

จุดเริ่มต้นของบิ๊กสมอลล์โรด

2. เมื่อได้จุดเริ่มต้นของสมอลล์โรดแล้วจากนั้นก็ทำการแปลงค่าต่างๆ ในบิ๊กโรดให้เป็นเครื่องหมายแถบสีของสมอลล์โรดโดยใช้กฎการแปลงเค้าไพ่

3. ผลเสมอจะไม่นำมาคิดในการแปลงค่าแบบสมอลล์โรด ผู้เขียนจึงขอแนะนำว่า เวลาจดแต้มในบิ๊กโรดให้ใช้แบบไม่ลงผลเสมอในเซลล์ใหม่

4. เครื่องหมายสีแดงและน้ำเงินในสมอลล์โรด ไม่ได้สื่อความหมายถึงแบงค์เกอร์หรือเพลเยอร์แต่อย่างใด โดยเครื่องหมายสีแดงในสมอลล์โรดจะหมายถึงการชนะติดต่อกันซ้ำกับวงจรไพ่เดิมที่ออกไปแล้วในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ 2 คอลัมน์ และเครื่องหมายสีน้ำเงินจะหมายถึงไพ่ที่ออกไม่มีซ้ำกับวงจรไพ่เดิมที่ออกไปแล้วในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ 2 คอลัมน์ เลย

ตัวอย่าง การแปลงแต้มจากบิ๊กโรดเป็นสมอลล์โรด >>> ผู้อ่านควรเปิดดูหัวข้อ “การแปลงเค้าไพ่” ประกอบจะทำให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

แผนผังการแปลงเค้าไพ่

ขั้นตอนการลงแต้ม

1. น้ำเงินหมายเลข 1 แดงหมายเลข 2-3 และน้ำเงินหมายเลข 4 ยังไม่ต้องลงแต้มใดๆ เพราะยังไม่ถึงเซลล์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของสมอลล์โรด

2. น้ำเงินหมายเลข 5 อยู่ในช่องซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสมอลล์โรด พิจารณาตามกฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 1 (1.2) พบว่าน้ำเงินหมายเลข 5 อยู่ในตำแหน่งเซลล์แรกที่มีความสูงมากกว่าคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 1) ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีน้ำเงิน

3. แดงหมายเลข 6 อยู่ในแถวที่ 1 พิจารณาโดยใช้กฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 2 (2.1.2) พบว่าความสูงของคอลัมน์ที่อยู่ติดกัน (คอลัมน์ที่ 3) กับคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 1) สูงไม่เท่ากัน ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีน้ำเงิน

4. น้ำเงินหมายเลข 7 พิจารณาโดยใช้กฎการการแปลงเค้าไพ่ข้อ 2 (2.1.2) พบว่าความสูงของคอลัมน์ที่อยู่ติดกัน (คอลัมน์ที่ 4) กับคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 2) สูงไม่เท่ากัน ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีน้ำเงิน

5. น้ำเงินหมายเลข 8 พิจารณาตามกฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 1 (1.1) พบว่าน้ำเงินหมายเลข 8 อยู่ในตำแหน่งที่มีความสูงเท่ากับคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 3) ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีแดง

6. น้ำเงินหมายเลข 9 พิจารณาตามกฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 1 (1.2) พบว่าน้ำเงินหมายเลข 9 อยู่ในตำแหน่งเซลล์แรกที่มีความสูงมากกว่าคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 3) ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีน้ำเงิน

7. แดงหมายเลข 10 อยู่ในแถวที่ 1 พิจารณาโดยใช้กฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 2 (2.1.2) พบว่าความสูงของคอลัมน์ที่อยู่ติดกัน (คอลัมน์ที่ 5) กับคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 3) สูงไม่เท่ากัน ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีน้ำเงิน

8. น้ำเงินหมายเลข 11 อยู่ในแถวที่ 1 พิจารณาโดยใช้กฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 2 (2.1.1) พบว่าความสูงของคอลัมน์ที่อยู่ติดกัน (คอลัมน์ที่ 6) กับคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 4) สูงเท่ากัน ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีแดง

9. น้ำเงินหมายเลข 12 พิจารณาตามกฎการแปลงเค้าไพ่ข้อ 1 (1.1) พบว่าน้ำเงินหมายเลข 12 อยู่ในตำแหน่งที่มีความสูงน้อยกว่าคอลัมน์ที่นำไปเปรียบเทียบ (คอลัมน์ที่ 5) ได้แต้มของสมอลล์โรดคือสีแดง

10. ส่วนการพิจารณาค่าอื่นๆ ที่เหลือ ก็ใช้หลักการเดียวกัน ผู้เขียนแนะนำให้ใช้ “แผนผังการแปลงเค้าไพ่” ช่วยจะทำให้แปลงค่าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในกรณีของสมอลล์โรดระยะห่างระหว่างคอลัมน์ปัจจุบันกับคอลัมน์ที่ต้องการเปรียบเทียบใน “แผนผังการแปลงเค้าไพ่” จะมีตำแหน่งต่างกัน 2 คอลัมน์ ที่เหลือก็เพียงลงค่าต่างๆ ตามเครื่องหมายที่ระบุไว้ใน “แผนผังการแปลงเค้าไพ่” ซึ่งเมื่อแปลงค่าทั้งหมดจนแล้วเสร็จ จะได้เค้าไพ่ใหม่ของสมอลล์โรด ดังภาพข้างล่าง